รักษาหลุมสิว for Dummies
รักษาหลุมสิว for Dummies
Blog Article
รักษาหลุมสิวด้วยตัวเองสามารถทำได้ แต่อาจจะต้องใช้เวลานาน และการรักษาหลุมสิวด้วยตัวเองอาจจะไม่เห็นผลลัพธ์ที่ดีเท่ากับการทำหัตถการอื่น ๆ เพราะรักษาได้เพียงหลุมสิวชั้นตื้น
สิวหัวช้าง ที่มีขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นตุ่มบวม ที่เกิดจากการอักเสบในต่อมไขมันใต้ผิวหนัง การรักษาใช้เวลานานและหายยาก
หลุมสิวรักษาเองได้ไหม ? ใครที่กังวลกับปัญหาหลุมสิว ไม่ว่าจะเป็นหลุมสิวตื้น หลุมสิวลึก หรือหลุมสิวกว้าง อยากรักษาหลุมสิว ให้ผิวกลับมาเรียบเนียน ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนครับว่าหลุมสิวที่เป็นอยู่นั้นเป็นหลุมสิวแบบไหน ?
หลุมสิวเป็นแผลเป็นจากสิวที่ทำให้ผิวหนังเกิดรอยยุบตัวลงจากระดับผิวปกติ ทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียน และเกิดเป็นร่องหลุมบริเวณใบหน้า
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรทำร่วมกับการฉีดตัวยาที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อใต้ผิว ทำให้หลุมสิวดูเต็มขึ้นและได้ผลถาวรมากขึ้น
การแก้หลุมสิวให้ได้ผลดีนั้น จำเป็นต้องเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับประเภทและความลึกของหลุมสิว โดยปัจจุบันมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ รักษาหลุมสิว ที่ช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น มาดูกันว่าวิธีรักษาหลุมสิวแบบไหนดีที่สุด และตอบโจทย์กับคุณมากที่สุด
ห้ามบีบสิว แกะสิว เพราะจะไปกระตุ้นให้สิวอักเสบลุกลาม
สามารถ remark สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ
หลายคนอาจสงสัยว่ายาหรือวิตามินสามารถช่วยรักษาหลุมสิวได้หรือไม่ ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่ยืนยันว่ายาหรืออาหารเสริมชนิดใดสามารถทำให้หลุมสิวตื้นขึ้นได้โดยตรง แม้ว่าการรับประทานคอลลาเจนหรือวิตามินบางชนิด เช่น วิตามินซี วิตามินอี หรือซิงค์ อาจช่วยเสริมสุขภาพผิวโดยรวม และช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น แต่ไม่ได้มีผลโดยตรงต่อการกระตุ้นให้เนื้อเยื่อในหลุมสิวฟื้นตัวจนเต็มขึ้นมาเอง
ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์
ยอมรับทั้งหมด จัดการความเป็นส่วนตัว
ห้ามซื้อกรดจากอินเทอร์เน็ตมาแต้มหลุมสิวเอง
ห้ามบีบ แคะ แกะเกาสิว เพราะอาจจะทำให้เกิดหลุมสิวใหม่เพิ่มได้
ดูแลตัวเอง ในระหว่างการรักษาเรื่องการดูแลและป้องกันตัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เช่น คุณต้องพยายามป้องกันไม่ให้ตัวเองเป็นสิวอักเสบ งดดื่มแอลกอฮอล์ (เพราะแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างคอลลาเจน) ถ้าหากไม่ได้อยู่ในระหว่างการรักษา คุณสามารถสครับหน้าได้อาทิตย์ละครั้ง โดยเลือกสครับที่ไม่รุนแรงมากนัก บำรุงผิวด้วยสกินแคร์ที่ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน ไปนวดหน้าบ้างเพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนมีการสร้างคอลลาเจนมาช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของผิว เซลล์ผิวของคุณจะได้ทำงานได้ดีขึ้น หรือบางคนอาจรับประทานอาหารเสริมจำพวกคอลลาเจนก็ได้ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการสนับสนุนการสร้างคอลลาเจนจากภายในจนถึงภายนอก